วัดประสพสุข

          “วัดประสพสุข” ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๒๒๐  เดิมเรียกว่า “วัดศพ” เนื่องจากหน้าวัดติดกับแม่น้ำท่าจีน    ซึ่งตั้งอยู่ในช่วงเปลี่ยนของทางน้ำ จนเกิดเป็นคุ้งน้ำถ้ามีศพคนตายลอยน้ำมา ศพก็จะมาติดที่ท่าน้ำหน้าวัดเป็นประจำ

          มีเนื้อที่ ๑๖ ไร่ ๑ งาน ๑๙ ตารางวา  ทิศเหนือจดแม่น้ำท่าจีน  ทิศใต้จดถนนสายสุพรรณบุรี - เก้าห้อง

          ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “วัดประสพสุข”  เพื่อให้ฟังเป็นมงคลนาม  และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา ในปี พ.ศ. ๒๔๙๕

          จนถึง  พ.ศ. ๒๕๓๗   พระอธิการวิสุทธิ์     วิสุทฺโธ  หรือ   หลวงเตี่ย เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดประสพสุข      จึงได้บูรณปฏิสังขรณ์และพัฒนาวัดในด้านต่างๆ จนมีความเจริญรุ่งเรือง ดังที่ปรากฏให้ได้เห็น   

          ในปี พ.ศ.๒๕๔๙ ได้รับอนุมัติจากมหาเถรสมาคม เป็นสำนักปฏิบัติธรรมประจำจังหวัดสุพรรณบุรีแห่งที่ ๒   

          ปัจจุบัน“วัดประสพสุข” เป็นวัดในสังกัดคณะสงฆ์มหานิกายซึ่งมีพระสงฆ์, อุบาสก, อุบาสิกา พำนักและปฏิบัติสมณะกิจ อยู่ภายในวัดเป็นจำนวนมาก
 

ปูชนียวัตถุ

          "หลวงพ่ออู่ทอง"  พระพุทธรูปเก่าแก่และศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่ออู่ทอง ขนาดขององค์หลวงพ่ออู่ทองสูง  ๒  เมตร หน้าตักกว้าง ๑.๕๐ เมตรโดยประมาณ  พุทธลักษณะของท่านงดงามยิ่ง   เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย   พระพักตร์มีเค้าเป็นศิลปะอู่ทองกลายๆ   เพราะพระหนุ (คาง) มีลักษณะเป็นเหลี่ยม ความเป็นจริงแล้วพระหนุเป็นเหลี่ยมนี้ส่อเค้าให้เห็นว่าได้รับอิทธิพลถ่ายทอดมาจากศิลปะสมัยทวารวดี

          หลวงพ่ออู่ทอง แห่งวัดประสพสุของค์นี้     ได้รับการบูรณะมาตลอดหลายยุคหลายสมัยและได้รับการบูรณะครั้งสุดท้าย เมื่อปี  พ.ศ.๒๕๓๓     ก่อนที่พระอธิการวิสุทธิ์    วิสุทฺโธ หรือ หลวงเตี่ย  เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันจะเข้ามารับตำแหน่ง ต่อมาหลังจากที่พระอธิการวิสุทธิ์   วิสุทฺโธ ได้เข้ามารักษาการณ์ในตำแหน่งเจ้าอาวาสแล้ว  จึงได้ทำการบูรณะวิหารหลวงพ่ออู่ทองและเจดีย์หน้าวิหารหลวงพ่ออู่ทอง  เมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘   ซึ่งทางกรมศิลปากรที่มาร่วมในการบูรณะได้สันนิษฐานว่า  คงอยู่ในราวสมัยทวารวดี   โดยดูจากบริเวณเจดีย์และฐานเจดีย์พบว่าสิ่งก่อสร้างเก่าแก่ในบริเวณนี้  รวมทั้งวิหารและองค์หลวงพ่ออู่ทอง คงจะมีอายุประมาณ ๘๐๐ ปีขึ้นไป        เพราะจากประวัติศาสตร์โบราณ  ดินแดนละแวกนี้เป็นแผ่นดินที่มีความเจริญรุ่งเรืองทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และวัฒนธรรม มาแต่โบราณก่อนการตั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี   สุพรรณบุรีเป็นเมืองโบราณสืบทอดวัฒนธรรมกันมายาวนานตั้งแต่ครั้งยุคหินใหม่   ยุคสัมฤทธิ์ ยุคเหล็ก    นับเนื่องได้ถึง ๓,๕๐๐ – ๓,๘๐๐ ปี มาแล้ว

          ส่วนทางด้านความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่ออู่ทองนั้น ได้รับการบอกเล่าจากชาวบ้านละแวกวัดประสพสุขว่า ในสมัยที่ยังใช้เรือเป็นพาหนะหลักในการเดินทางนั้น   บริเวณหลวงพ่ออู่ทองนี้เป็นตลิ่งที่ถูกน้ำกัดเซาะพังทลายลงทุกวันๆ   จนกระทั่งเจดีย์หน้าวิหารหลวงพ่ออู่ทอง   ซึ่งสมัยนั้นตั้งอยู่ ๒ องค์ถูกน้ำกัดเซาะจนพังทลายจมลงสู่แม่น้ำท่าจีนไปองค์หนึ่ง     แต่บริเวณวิหารหลวงพ่ออู่ทองกลับยังคงตั้งอยู่อย่างมั่นคงเช่นนั้น      เป็นที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก จนชาวเรือที่เดินทางผ่านไปมาเล่าลือโจทย์ขานกันว่า  วิหารหลวงพ่ออู่ทองขยับหนีน้ำได้     เป็นวิหารซึ่งมีพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเรือผ่านไปมาต้องแสดงความเคารพท่านทุกครั้งไป         

          สิ่งที่ผู้เข้าไปสักการะกราบไหว้หลวงพ่ออู่ทอง จะสัมผัสได้ด้วยตัวเองและเกือบทุกคนก็คือกระแสแห่งความเยือกเย็นและความเมตตา     ที่เปล่งออกมาจากสายพระเนตรขององค์พระพุทธรูปนั้น ซึ่งผู้ที่มีความทุกข์ร้อนใดๆ ก็ตาม เมื่อเข้ามากราบบูชาท่านแล้ว เพ่งมองไปที่พระพักตร์ของท่าน    ความทุกข์และความร้อนใจใดๆ  ก็จะลดลงไปให้ได้รู้สึก  จากนั้นขอให้ลองตั้งใจสวดมนต์บทใดก็ได้ถวายท่านและทำจิตใจให้สงบสักห้านาที  แล้วตั้งจิตอธิษฐานขอเมตตาจากองค์หลวงพ่ออู่ทองให้เกิดปัญญา พบหนทางแก้ปัญหาให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  ซึ่งส่วนใหญ่ของผู้ที่เข้าไปสักการะองค์หลวงพ่ออู่ทองก็จะได้รับผลดีในชีวิตแทบทุกคน
 

Google Map Link
กดดู